ชื่อวิทยาศาสตร์
Musa ABB group (triploid) cv. 'Namwaa'
ลักษณะ
ไม้ล้มลุก สูง 2-4.5 เมตร มีลำต้นใต้ดิน ลำต้นเหนือดินเกิดจากกาบใบหุ้มซ้อนกัน ใบเดี่ยว เรียงสลับ
ซ้อนกันรอบต้นที่ปลายยอด รูปขอบขนาน กว้าง 25-40 ซม. ยาว 1-2 เมตร ผิวใบเรียบมัน ท้องใบสีอ่อนกว่า
มีนวล ดอกช่อเรียกว่า หัวปลี ออกที่ปลายยอด ใบประดับหุ้ม ช่อดอกสีแดงหรือม่ง ผลเป็นผลสด
สารสำคัญ
มีสาร sitoindosides I - IV
ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผล มีรายงานว่าสามารถป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนูขาว
ที่ถูกกระตุ้นด้วยแอสไพริน พบว่า sitoindosides I - IV กระตุ้นให้มีการหลั่งสารเมือกออกมามากขึ้น
เพื่อเคลือบผนังกระเพาะอาหาร กระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อของกระเพาะอาหารขึ้นปิดปากแผลด้วย
มีสารแทนนิน ใช้แก้ท้องเสียที่ไม่รุนแรงมากนัก
ข้อควรระวัง
อาจมีอาการท้องอืดหลังรับประทานยานี้ แก้ไขโดยดื่มน้ำต้มขิง หรือสมุนไพรขับลมอื่นๆ
ส่วนที่ใช้ ผลกล้วยดิบหรือผลห่าม
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา เก็บผลกล้วยช่วงเปลือกเป็นสีเขียว ต้น กล้วยจะให้ผลเมื่ออายุ 8-12 เดือน
รสและสรรพคุณยาไทย รสฝาด ฤทธิ์ฝาดสมาน รักษาโรคกระเพาะอาหาร และแก้ท้องเสียไม่รุนแรง
วิธีใช้ นำกล้วยน้ำว้าดิบฝานเป็นแว่นตากประมาณ 2 วัน หรืออบให้แห้งอุณหภูมิประมาณ 50 องศาและบดเป็นผง
วิธีรับประทานโดยการนำผงกล้วยดิบครั้งละครึ่งถึงหนึ่งผลชงน้ำหรือผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่ม
หรือนำผงกล้วยดิบมาปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
รับประทานแล้วอาจมีอาการท้องอือเฟ้อ ป้องกันโดยใช้ร่วมกับยาขับลม เช่น น้ำขิง พริกไทย เป็นต้น
ข้อมูลเชื่อมโยง
แทนนิน พบได้ในพืชเกือบทุกชนิด ไม่มากก็น้อย แทนนิน มี 2 ชนิด คือ condensed tannins
พบได้ในส่วนเปลือกต้น และแก่นไม้เป็นส่วนใหญ่
และ hydrolysable tannins พบมากในส่วนใบ ฝัก และส่วนที่ปูดออกมาจากปกติ เมื่อต้นไม้ได้รับอันตราย(gall) แทนนิน มีคุณสมบัติตกตะกอนโปรตีน
ทำให้หนังสัตว์ไม่เน่าเปื่อย แทนนินมีฤทธิ์ฝาดสมาน จึงใช้เป็นยารักษาโรคท้องเสียได้ แทนนินมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียได้
ตัวอย่างแทนนินได้แก่ theogallin, gallic acid, ellagic acid
การปลูกกล้วย
เรื่อง กล้วยๆ จากอาหารและสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ของกระทรวงสาธารณสุข
กล้วยน้ำว้า จาก : www.tungsong.com
กล้วยน้ำว้า
