ชื่อวิทยาศาสตร์
Zingiber montanum (Koen.) Theilade วงศ์ ZINGIBERACEAE
ลักษณะ
ไม้ล้มลุก สูง 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีเหลืองแกมเขียว กลิ่นเฉพาะ แทงหน่อหรือลำต้น
เทียมขึ้นเป็นกอ ประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกัน ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนาน แกมใบหอก กว้าง 3.5-5.5 ซม.
ยาว 18-35 ซม. ดอกช่อ แทงจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกสีนวล ใบประดับสีม่วง ผลแห้ง รูปกลม
สารสำคัญ
ในเหง้าพบสาร compound D สามารถทำให้กล้ามเนื้อหลอดลมของสัตว์ คลายตัวได้ จึงมีการทดลองต่อในคน
พบว่ายาแคปซูลไพลขนาด 260 มิลลิกรัม ทำให้ผู้ป่วยเด็กโรคหืดที่กำลังหอบอยู่มีอาการดีขึ้น การรักษาในระยะยาว
ใช้ยาแคปซูลไพล ขนาด 130 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จะทำให้ผู้ป่วยมีอากาารหอบน้อยลง และใช้ยาพ่นคอน้อยลง
โดยไม่พบอาการเป็นพิษ หรืออาการแทรกซ้อน การศึกษาในผู้ใหญ่พบว่า การให้กินแคปซูลไพล 250-500 มิลลิกรัม เช้าและเย็น
ช่วยให้ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 80 มีอาการดีขึ้น
มีรายงานพบสาร curcumin ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อหนองได้ดี และสาร beta-sitosterol มีฤทธิ์ลดการอักเสบ
ส่วนที่ใช้
เหง้าแก่จัด อาจบดใส่แคปซูล รับประทาน
ใช้รักษาโรคผิวหนัง โดยผงผสมน้ำ หรือใช้เหง้าสด ล้างให้สะอาดฝนน้ำทา
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา
เก็บเหง้าแก่จัด หลังจากต้นไพลลงหัวแล้ว เก็บเกี่ยวในช่วงที่ไพลอายุ 10 เดือนขึ้นไป
ขูดด้วยความระมัดระวัง ล้างสะอาดและตากแดดให้แห้ง
รสและสรรพคุณยาไทย
รสและสรรพคุณยาไทย สรรพคุณแก้ฟกยอกขับลม
ท้องเดินและช่วยขับระดูประจำเดือนสตรี นิยมใช้เป็นยาหลังคลอดบุตร
วิธีใช้
เหง้าไพลเป็นยารักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ โดยใช้เหง้า ประมาณ 1 เหง้า ตำแล้วคั้นเอาน้ำทา ถูนวดบริเวณที่มีอาการ
หรือตำให้ละเอียดผสมเกลือเล็กน้อยคลุกเคล้า แล้วนำมาห่อเป็นลูกประคบอังไอนํ้าให้ความร้อนประคบบริเวณปวดเมื่อยและฟกช้ำเช้าเย็น
จนกว่าจะหาย หรือทำเป็นน้ำมันไพลไว้ใช้ก็ได้ โดยเอาไพล หนัก 2 กิโลกรัม ทอดในน้ำมันพืชร้อนๆ 1 กิโลกรัม
ทอดจนเหลืองแล้วเอาไพลออก ใส่กานพลูผงประมาณ 4 ช้อนชา ใส่ในภาชนะปิดฝาให้มิดชิดรอจนเย็นเขย่าการบูรให้ละลาย
น้ำมันไพลใช้ทาถูนวด 2 ครั้งเช้า เย็น หรือเวลาปวด